รายการ Are you ok? #05
๑. ขยัน
คือ ผู้ที่มีความตั้งใจเพียรพยายามทำหน้าที่การงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องในเรื่องที่ถูกที่ควร สู้งานมีความพยายาม ไม่ท้อถอย กล้าเผชิญอุปสรรค รักงานที่ทำ ตั้งใจทำหน้าที่อย่างจริงจัง
รายการ Are you ok? #04
รายการ Are you ok? #03
รายการ Are you ok?
พิธีเปิดศูนย์เยาวชน ธมอ. ออนไลน์
ประชาสัมพันธ์… ขอเชิญบรรดาเยาวชน พี่ ๆ น้อง ๆ ร่วมชมพิธีเปิดศูนย์เยาวชนออนไลน์ หรือ Oratory Online.
ขอเชิญบรรดาเยาวชน พี่ ๆ น้อง ๆ พบกับแหล่งชุมนุม เยาวชนแห่งใหม่ที่นี้ที่เดี่ยวกับศูนย์เยาวชนออนไลน์
หรือ Oratory Online. พบกันให้ได้นะคะ ที่ http://www.fma.or.th/oratoryonline
ฟัง SPOT
“SPOT 1″
“SPOT 2″
“SPOT 3″
“SPOT 4″
“SPOT 5″
๑. ขยัน
คือ ผู้ที่มีความตั้งใจเพียรพยายามทำหน้าที่การงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องในเรื่องที่ถูกที่ควร สู้งานมีความพยายาม ไม่ท้อถอย กล้าเผชิญอุปสรรค รักงานที่ทำ ตั้งใจทำหน้าที่อย่างจริงจัง
๒. ประหยัด
คือ ผู้ที่ดำเนินชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย รู้จักฐานะการเงินของตน คิดก่อนใช้ คิดก่อนซื้อ เก็บออมถนอมใช้ทรัพย์สินสิ่งของอย่างคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ รู้จักทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย ของตนเองอยู่เสมอ
๔. มีวินัย คือ
ผู้ที่ปฏิบัติตนในขอบเขต กฎ ระเบียบของสถานศึกษา สถาบัน องค์กร และประเทศ โดยที่ตนยินดีปฏิบัติตามอย่างเต็มใจและตั้งใจยึดมั่นในระเบียบแบบแผนข้อบังคับและข้อปฏิบัติ รวมถึงการมีวินัยทั้งต่อตนเองและสังคม
๕. สุภาพ คือ
ผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนตามสถานภาพและกาลเทศะ มีสัมมาคารวะ เรียบร้อยไม่ก้าวร้าว รุนแรง หรือวางอำนาจข่มผู้อื่นทั้งโดยวาจาและท่าทางเป็นผู้มีมารยาทดีงามวางตนเหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย
๖. สะอาด คือ
ผู้ที่รักษาร่างกาย ที่อยู่อาศัย และสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้องตามสุขลักษณะ ฝึกฝนจิตไม่ให้ขุ่นมัว มีความแจ่มใสอยู่เสมอ ปราศจากความมัวหมองทั้งกาย ใจและสภาพแวดล้อมมีความผ่องใสเป็นที่เจริญตาทำให้เกิดความสบายใจแก่ผู้พบเห็น
๗. สามัคคี คือ
ผู้ที่เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้บทบาทของตนทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความมุ่งมั่นต่อการรวมพลัง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อให้การงานสำเร็จลุล่วง สามารถแก้ปัญหาและขจัดความขัดแย้งได้ เป็นผู้มีเหตุมีผล ยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดและความเชื่อ พร้อมที่จะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติและสมานฉันท์
๘. มีน้ำใจ คือ
ผู้ให้และผู้อาสาช่วยเหลือสังคม รู้จักแบ่งปัน เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น เห็นอก เห็นใจ และเห็นคุณค่าในเพื่อมนุษย์และผู้ที่มีความเดียดร้อน มีความเอื้ออาทรเอาใจใส่ อาสาช่วยเหลือสังคมด้วยแรงกายและสติปัญญาลงมือปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหา หรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้เกิดขึ้นในชุมชน
ความบ่อยเหลือเกิน เมื่อคนหนึ่งพูดว่า “อา! ฉันไม่อาจจะให้อภัยเขาได้เลย” เขาคิดว่า “ฉันไม่อาจลืมเรื่องของเขา
นำเสนอโดย… สิริโรจนา
ภารดาจอห์น อะแรงกูเรน นักบวชคณะเยซูอิท เกิด ณ เมืองกิปปัสโกประเทศสเปน
เขาทำงานในโรงเรียนนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ที่เมืองปัสโตใกล้โบโกตาประเทศโคลัมเบีย
เขาสอนคำสอนเด็ก ๆ ที่ได้รับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก แต่พวกเขาจะไม่รู้จักพระเจ้าเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะความศรัทธาและแรงผลักดันของเขาในการสอนข้อความเชื่อ
วันหนึ่ง เขาสังเกตเห็นลิ้นของตัวเองบวม และมีอาการบวมขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาพูดด้วยความยากลำบาก
นี่คือโรคมะเร็งร้ายกาจฉกาจฉกรรจ์ ปลายปี 1948 แพทย์ตรวจพบโรคมะเร็ง วันที่ 30 สิงหาคม 1949
เขาได้รับการผ่าตัดครั้งแรกในโรงพยาบาลปาเรอโมในเมืองโบโกตา ฟันถูกถอนหลายซีก
เนื้อถูกตัดหลายชิ้น แต่เนื้อร้ายยังเติบโตและขยายตัวเรื่อย ๆ
วันที่ 19 กันยายนหมอต้องผ่าตัดเขาอีกครั้ง มหัศจรรย์ได้เกิดขึ้น ตั้งแต่คืนวันที่ 18 จนถึงวันที่ 19
ในโรงพยาบาลเมืองโบโกตา นายแพทย์ปาโบรโตวาร์บอร์ดาเป็นผู้ผ่าตัดลิ้น
ภารดาต้องทำใจ เขาเข้าใจถ้าไม่เสียลิ้นก็ต้องเสียชีวิต เขายินดีนบนอบผู้ใหญ่ของคณะ
เขาจะพูดไม่ได้อีกเลย เขาจะไม่สามารถอธิบายให้เด็ก ๆ รู้ว่าพระเจ้าคือใคร . . .
ว่าเขาทั้งหลายมีเทวดาอารักขา . . . ว่าเขาทั้งหลายต้องปฏิบัติตาม
พระบัญญัติสิบประการเพื่อความรักต่อพระเจ้าและความรอดของวิญญาณ
กลางคืนก่อนผ่าตัด ภารดาได้ตื่น เห็นแม่กำลังยืนอยู่ข้างเตียง เธอได้สิ้นใจนานแล้ว ดูรูปร่างเหมือนคนจริงๆ
เธอมาพร้อมกับสุภาพสตรีคนหนึ่ง สวยงามมาก มีแสงสว่างไสว แต่งกายสีขาว บนคอห้อยลูกโลกสีทอง
โดยความรักและแสงสว่างเขาตื้นตันใจ ฉงน และปิติยินดี แม่อธิบายให้ฟังว่า
นี่คือพระแม่ฟาติมา พระแม่เสด็จมารักษาเขา และประทานสารแก่เขาด้วย
แล้วพระแม่ยื่นพระหัตถ์สัมผัสลิ้นเขา ทันใดนั้นเองโรคมะเร็งก็หายขาด พระแม่ตรัสว่า
“จงสอนคำสอนเด็ก ๆ ต่อไป และสอนพวกเขาสวดลูกประคำด้วย
อย่าบอกใครการประจักษ์นี้จนกว่าลูกได้พูดกับหมอ”
ภารดาร่าเริงยินดี แทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้เกิดขึ้น เมื่อความมืดกลับเข้ามาในห้องและลิ้นเขาเริ่มเคลื่อนไหว
เขาจึงตระหนักว่าได้มีการประจักษ์และการรักษาหายจากโรค นี่เป็นความจริงไม่ใช่ความฝัน
เขาเคลื่อนไหว ลิ้นปกติ เขาพูดปกติ เขาอยากกระโดดออกจากเตียง วิ่ง ตะโกน บอกให้ทุกคนรับรู้
แต่เขาจำคำพูดของพระแม่ได้ “อย่าบอกใครเรื่องการประจักษ์นี้จนกว่าลูกได้พูดกับหมอ” หมอจะไม่มาจนถึงเวลาผ่าตัด
เพื่อ นบนอบพระแม่ ภารดานิ่งเงียบสวดภาวนาจนกระทั่งเช้า นักวางยาสลบเข้ามาเตรียมเขาสำหรับผ่าตัด
เขาสั่นศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ นักวางยาสลบพยายามอธิบาย “คุณจะต้องเสียลิ้นหรือชีวิต เพราะฉะนั้น อย่าชักช้าร่ำไร”
ภารดายังคงสั่นศีรษะ นักวางยาสลบพยายามใช้กำลังบังคับ ภารดาแสดงให้เห็นเด่นชัดว่าเขาไม่ต้องการยาสลบ
เมื่อหมอมาถึง บุรุษพยาบาลรายงานว่า “คุณหมอครับ ภารดาไม่ยอมรับยาสลบ ดูเหมือน เขากลัวผ่าตัดมาก”
หมออ้างอิงถึงการสนทนาเมื่อวันก่อน เขาจะต้องเสียลิ้นหรือชีวิต แต่บัดนี้เขาพูดได้แล้ว
“คุณหมอครับ พระแม่ฟาติมาได้มาหารักษาลิ้นผมเมื่อคืนนี้ โรคมะเร็งหายหมดแล้ว”
แน่นอน หมอไม่เชื่อ ขอตรวจลิ้นดู เป็นความจริง มะเร็งหายขาด ภารดาได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เขาสอนคำสอนต่อไป
ตามโครงการแพร่ธรรมโคลัมเบีย จนเข้าสู่วัยชรา เขาสอนเด็ก ๆ สวดลูกประคำอย่างศรัทธาเร่าร้อน เหมือนสอนคำสอน