ค่านิยมหลักที่ 2 ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน (Honesty, sacrifice, and patience)
ค่านิยมประการนี้มีความสำคัญมาก เฉพาะอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบัน ความซื่อสัตย์สุจริต คือ การยึดมั่นในความสัตย์จริงและในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม มีความซื่อตรง และมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ปฏิบัติต่อตนเองและผู้อื่นโดยชอบ ไม่คดโกงบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตมักจะเป็นผู้ที่ พูดความจริงเสมอ รักษาสัญญา ไม่คดโกงซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ตัวอย่างเรื่องราว เกี่ยวกับความซื่อสัตย์
มีเรื่องเล่าว่า มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง เมื่อเขาเริ่มชรา และต้องการหาคนมาสืบทอดธุรกิจ แทนที่เขาจะเลือกผู้อำนวยการ หรือลูกชายของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่ต่างออกไป เขาเรียกนักบริหารหนุ่มๆ ในบริษัทของเขามารวมกัน แล้วกล่าวว่า “ถึงเวลาที่ฉันจะวางมือและเลือกคนที่จะเป็น CEO คนใหม่แล้วล่ะ และฉันก็จะตัดสินใจเลือกหนึ่งในพวกคุณนี่แหละ” พวกหนุ่มต่างรู้สึกช็อค เขาพูดต่ออีกว่า “วันนี้ผมจะให้เมล็ดพืชแก่พวกคุณคนละเมล็ด เป็นเมล็ดพิเศษ คุณต้องดูแลและรดน้ำ นับจากนี้ไปอีก 1 ปี และผมจะตัดสินจากต้นไม้ที่เจริญเติบโตที่พวกคุณนำมาให้ผม คนที่ผมเลือก จะได้เป็น CEO คนต่อไป” นักบริหารหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ กิตติ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น เขาได้รับเมล็ด มา 1 เมล็ด และนำกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น เขาบอกภรรยา และช่วยกันเตรียมกระถาง ดิน และปุ๋ย เพื่อเตรียมปลูกต้นไม้ พวกเขาดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยเป็นอย่างดี ผ่านไปหนึ่งเดือน พวกนักธุรกิจหนุ่มคนอื่น ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่เขาได้รับ และคุยกันถึงเรื่องความเติบโตของต้นไม้ แต่กิตติก็เฝ้าดูทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีต้นอะไรงอกออกมา .. 2 เดือนผ่านไป ..3 เดือนผ่านไป ..4 เดือนผ่านไป ก็ยังไม่เห็นต้นไม้งอกออกมาเลย ตอนนี้หนุ่มๆ ได้พูดถึงต้นไม้กันอีกแล้ว แต่กิตติไม่รู้จะคุยอะไร เพราะต้นไม่ของเขาไม่งอกออกมา เขาเริ่มรู้สึกว่าล้มเหลว ผ่านไป 10 เดือน ก็ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำให้มันเติบโตได้แน่ๆแล้ว ทุกๆคน มีต้นไม้ที่เติบโตขึ้น ยกเว้นกิตติที่ไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังคงเฝ้าดูแลรดน้ำต่อไป ผ่านไปครบตามกำหนดเวลา 1 ปี ทุกคนก็ได้นำต้นไม้ไปให้ CEO ได้ตัดสิน… กิตติพูดกับภรรยาว่า “ผมจะไม่เอสกระถางเปล่าๆใบนี้ไปโชว์ เพราะมันปลูกไม่ขึ้น” ภรรยาบอกเขาว่า ให้พูดความจริงออกไปว่ามันเป็นยังไง กิตติรู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต แต่เขาก็คิดว่าภรรยาของเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงถือกระถางเปล่าๆ เข้าไปในห้อง CEO ที่ได้นัดหมายกันไว้ เมื่อกิตติมาถึง เขารู้สึกแย่เนื่องจาก ต้นไม้ของคนอื่นถึงสวยและแข็งแรง สวยงามกันหมดทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นกระถางของกิตติ ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะเยาะ มี 2-3 คนเท่านั้นที่แสดงความเห็นใจ เมื่อท่านประธานเข้ามาถึง เขาได้ทักทายทุกๆคน กิตติได้แต่แอบหลบอยู่ข้างหลังห้อง “โอ ทำไมต้นไม้ของพวกคุณถึงได้สวยกันเหลือเกิน เอาละ หนึ่งในพวกคุณจะได้เลื่อนเป็นCEO ก็วันนี้แหละ” พอท่านประธานเห็นกระถางของกิตติ ที่อยู่ข้างหลังห้อง เขาก็บอกให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเรียกกิตติขึ้นมาข้างหน้า กิตติรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าท่านประธานคงคิดว่าเขาล้มเหลว และเขาอาจจะถูกไล่ออก เมื่อกิตติเดินมาหน้าห้อง ท่านประธานก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ของคุณ” กิตติก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตามจริง แล้วท่านประธานก็บอกให้ทุกคนนั่งลง ยกเว้นกิตติ ท่านมองมาที่กิตติแล้วก็ประกาศว่า “CEO คนต่อไปก็คือ……. กิตติ” กิตติแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะต้นไม้ของเขาก็ไม่มี เขาจะได้เป็น CEO ได้ยังไง และแล้วท่านประธานก็กล่าวว่า “เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ให้เมล็ดพืชกับพวกคุณทุกๆคน และให้ดูแลรดน้ำมันทุกๆวัน แต่มันเป็นเมล็ดที่ต้มแล้ว ดังนั้น มันจะงอกเป็นต้นไม้ได้อย่างไร พวกคุณทุกคนยกเว้นกิตติ นำต้นไม้ที่สวยงามมาให้ผม นี่ก็แสดงว่าเมื่อพวกคุณพบว่าเมล็ดมันไม่งอก พวกคุณก็เอาเมล็ดอื่นปลูกแทนสินะ กิตติเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับความจริง และนำกระถางเปล่าพร้อมกับเมล็ดที่ผมให้มาให้ผม ดังนั้น ผมจึงแต่งตั้ง กิตติ ให้เป็น CEO คนต่อไปของบริษัทเรา”
(อ้างอิงจากhttp://www.kwamru.com/122#sthash.V8dU3vG4.dpuf)
ข้อคิดที่ได้ … เมื่อเราปลูกความซื่อสัตย์ เราก็จะได้รับความไว้วางใจ เมื่อเราปลูกความดี เราก็จะได้รับมิตรภาพ เมื่อเราปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน เราก็จะได้รับความยิ่งใหญ่ เมื่อเราปลูกความพากเพียร เราก็จะได้รับความสำเร็จ เมื่อเราปลูกการทุ่มเททำงานหนัก เราก็จะได้รับความสำเร็จ เราปลูกสิ่งใดเราก็จะได้รับสิ่งนั้น
ข้อคิดจากพระคัมภีร์
พระเยซูเจ้าทรงยกย่องและชื่นชมคนที่ซื่อสัตย์ โดยตรัสไว้ว่า “ใครก็ตามที่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย จะซื่อสัตย์ในเรื่อง ใหญ่ด้วย ผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เขาก็จะไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องสำคัญด้วย” (ลูกา 16.10-11) ความซื่อสัตย์เป็นวิถีปฏิบัติที่ดีที่สุด (Honesty is the best policy) เป็นอาภรณ์ประดับใจที่ทำให้มนุษย์งดงามและมากด้วยคุณค่า