ค่านิยมหลักที่ 10 รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Applying His Majesty the King’s Sufficiency Economy)
คนไทยถือว่าเป็นผู้ที่โชคดี เพราะเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็นประมุข พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถ พร้อมด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของชาวไทย ทรงพระราชทานโครงการนานัปการมากกว่า 2,000 โครงการ ทั้งการแพทย์สาธารณสุข การเกษตร การชลประทาน การพัฒนาที่ดิน การศึกษา การพระศาสนา การสังคมวัฒนธรรม การคมนาคม ตลอดจนการเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรในชนบท ทั้งยังทรงขจัด ปัญหาทุกข์ยาก ของประชาชนในชุมชนเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรากตรำพระวรกายทรงงานอย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อย แม้ในยามทรงพระประชวร ก็มิได้ทรงหยุดยั้งพระราชดำริเพื่อ ขจัดความทุกข์ผดุงสุขแก่พสกนิกร ในยามประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา ก็ได้พระราชทานแนวทางดำรงชีพแบบ “เศรษฐกิจพอเพียง” และ “ทฤษฎีใหม่” ให้ราษฎรได้พึ่งตนเอง ใช้ผืนแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี
ความพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแสดงออกทางชีวิตที่เรียบง่าย เป็นกันเองกันทุกคนดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ได้เล่าเรื่องน่ารัก น่ารัก ของในหลวง เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบ้านของราษฎรผู้หนึ่งที่อีสาน ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงนของชาวบ้านผู้นี้
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้
จึงมีคำกราบทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า
บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า..”
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ตัว
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า
“มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว
ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย
และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว”
เรื่องนี้ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องจริง และ ดร.สุเมธ อยู่ในเหตุการณ์ เรื่องนี้เกิดที่จังหวัดตากเมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสด และถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า “ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ”
แม่ค้าตอบว่า “ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ”
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพาลที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
จากเรื่องราวที่กล่าวถึงเราเห็นความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศ์ศานุวงษ์ที่เสด็จไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านอย่างเนื่อง ๆ รวมถึงตรัสสอนให้ดำเนินชีวิตอย่างมีสติและพอเพียง โดยพระราชทานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางเพื่อให้ทุกคนดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข หัวใจของเศรษฐกิจพอเพียง คือ สติและปัญญา ผู้รู้จักตัวเอง ฝึกฝนตนจนเกิดปัญญา ยึดคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มีความเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนใครและไม่เบียดเบียนโลก รวม ทั้งการมีปัญญารู้ว่า อะไรคือสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้เกิดผลดีทั้งต่อตนและผู้อื่น ความพอเพียงจึงเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน ที่ทุกคนต่างคำนึงถึง การตัดสินใจเลือกกระทำสิ่งที่ดี และหน้าที่ในการสร้างพฤติกรรมนั้นๆอยู่เสมอ จนกลายเป็นอุปนิสัยที่ดีและทำโดยอัตโนมัติ ผู้ที่มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง จึงเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างอย่างมีสติ มีความสุขอย่างยั่งยืน