Authors Posts by user

user

86 POSTS 0 COMMENTS

0 2865

หญิงสาวผู้หนึ่ง ไปศึกษาต่อที่เมืองนอก อาศัยความเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง ในการนั่งรถโดยสาร ผลปรากฎว่า อนาคตถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

สิบสองปีก่อน มีสาวน้อยผู้หนึ่ง พึ่งจบการศึกษาก็ไปที่ประเทศฝรั่งเศส เริ่มชีวิตกึ่งเรียนกึ่งทำงาน ต่อๆมา เธอพบเห็นว่า ระบบการขายตั๋วของรถโดยสารสาธารณะ เป็นระบบการช่วยเหลือตนเอง

ก็คือ..เราคิดจะไปสถานที่ใด ก็ซื้อตั๋วด้วยตนเอง ไปณ.จุดหมายปลายทางสถานีรถแทบจะเป็นระบบเปิดทั้งหมด ไม่มีจุดตรวจตั๋ว และไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว อีกทั้งการตรวจแบบสุ่มก็น้อยครั้งมากๆ

121เธอ..พบเห็นช่องโหว่ของระบบการควบคุมนี้ หรืออาจจะเป็นการกล่าวว่าด้วยความนึกคิดส่วนตัวของเธอ เห็นว่าเป็นช่องโหว่ อาศัยความฉลาดนี้ เธอคำนวณด้วยความละเอียดถี่ถ้วน ลงความเห็นว่า ฉ้อโกงค่าตั๋ว โอกาสที่จะถูกตรวจพบมีเพียงประมาณ สามในหนึ่งหมื่น

กับการพบเห็นในสิ่งนี้ เธอดีใจกระดี้กระด้าภูมิใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่นั้นมา เธอมักจะโกงราคาค่าโดยสาร อีกทั้งยังหาเหตุผลมาปลอบใจตนเองว่า ตนยังเป็นนักศึกษาจนจน ประหยัดได้ก็ประหยัด

สี่ปีผ่านไป เธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ที่โด่งดังมีชื่อเสียง และผลการเรียนที่โดดเด่นยอดเยี่ยมของเธอ เธอมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เธอเริ่มย่างก้าวเข้าประตูของบริษัทฯต่างชาติในกรุงปารีส โฆษณาตนเองอย่างไม่ลังเล

ทว่า..บริษัทฯเหล่านี้ แรกเริ่มล้วนกุลีกุจอกระตือรือร้น แต่หลังจากผ่านไปหลายวัน ต่างก็ปฏิเสธด้วยความนุ่มนวล

121702169ความล้มเหลวผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เธอโมโหโกรธมาก เธอมีความคิดเห็นในส่วนตัวว่า บริษัทฯ เหล่านี้ มีความลำเอียงแบ่งแยกเชื้อชาติ

ในครั้งสุดท้าย เธอบุกเข้าห้องผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของบริษัทฯหนึ่ง วิงวอนขอร้องผู้จัดการฯ ให้เหตุผลที่ไม่บรรจุเธอเข้าทำงาน แต่แล้ว..บทสรุปผลที่ปรากฎออกมานั้น เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน

” คุณสุภาพสตรี พวกเราใช่ว่ามีการลำเอียง หรือแบ่งแยก อีกทั้งไม่ได้ดูแคลนในตัวเธอ กลับตรงกันข้าม พวกเราให้ความสำคัญต่อเธอมาก

ตอนแรกเริ่มที่เธอมาสมัครงาน ภูมิหลังของสถานศึกษา และผลการศึกษาของของเธอ พวกเราสนใจเป็นอย่างยิ่ง พูดตรงๆ ความสามารถในการปฏิบัติงาน เธอคือผู้ที่พวกเราต้องการอย่างมาก”  ” แล้วเพราะเหตุใด ไม่บรรจุผู้ที่มีความสามารถอย่างฉัน เข้าทำงานในบริษัทล่ะ ?

” เพราะพวกเราได้ตรวจสอบ เครดิตความน่าเชื่อถือของเธอ พบเห็นว่า เธอเคยถูกบันทึก และถูกลงโทษ ในการโกงค่าโดยสารสาธารณะสามครั้ง ”

” ฉันไม่ปฏิเสธ ว่ามีเรื่องนี้จริง ทว่าเพื่อเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้ พวกท่านกลับละทิ้งผู้มีความสามารถพิเศษคนหนึ่ง ที่วิทยานิพนธ์ได้รับการตีพิมพ์หลายครั้งลงในวารสารหรือ ?”

” เรื่องเล็กน้อย.. พวกเรากลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย พวกเราสังเกตพบเห็นว่า การโกงค่าโดยสารของเธอในครั้งแรก เป็นเวลาที่เธอได้มาประเทศเราหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เชื่อในคำอธิบายของเธอ เพราะเธอบอกว่า ตนเองยังไม่เข้าใจระบบการจำหน่ายตั๋ว แบบช่วยเหลือตนเอง จึงเพียงให้เธอชดเชยตั๋วใหม่ แต่หลังจากนั้น เธอก็ยังโกงค่าโดยสารอีกสองครั้ง ”

118120243” เวลานั้น..ในกระเป๋าฉันไม่มีเงินปลีกพอดี ” ” ไม่..ไม่..ไม่..คุณสุภาพสตรี ผมไม่เห็นด้วยกับคำอธิบายของของเธอ เธอคงกำลังสงสัยไอคิวของผม ผมเชื่อว่า ก่อนที่จะถูกตรวจพบ เธออาจจะมีการกระทำในการโกงค่าตั๋วโดยสารเป็นร้อยๆครั้ง ”

” เช่นนั้น..โทษก็คงไม่ถึงตายหรอกน่ะ ทำไมถึงต้องจริงจังเช่นนี้ ทีหลังแก้ไขไม่ได้หรือ ?

” ไม่..ไม่..คุณสุภาพสตรี เรื่องนี้ยืนยันและพิสูจน์ได้สองอย่าง

  1. เธอไม่เคราพกฎระเบียบ เธอชำนาญในการพบเห็นช่องโหว่ของกฎระเบียบ และนำไปใช้ในทางเลวร้าย
  2. เธอไม่มีค่าพอที่จะได้รับความไว้วางใจ

และบริษัทฯของพวกเรา มีงานมากมาย ที่ต้องอาศัยความไว้วางใจในการปฏิบัติ หากเธอต้องรับผิดชอบบุกเบิกตลาด ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง บริษัทฯจะถ่ายโอนอำนาจให้เธอมากมายเพื่อประหยัดต้นทุน พวกเราไม่สามารถตั้งหน่วยงาน ตรวจสอบสอดส่องที่สับสนวุ่นวาย เหมือนดั่งระบบขนส่งของประเทศเรา

ดังนั้น พวกเราจึงไม่สามารถว่าจ้างเธอได้ สามารถพูดอย่างเด็ดขาดและการันตีได้เลยว่า ในประเทศนี้ หรือแม้กระทั่งทั้งสหภาพยุโรป เธออาจจะหา บริษัทฯที่จะว่าจ้างเธอไม่ได้เลย ”

จวบจนกระทั่งตอนนี้ เธอจึงเหมือนดั่งตื่นจากความฝัน เสียใจอย่างแรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำ20905_389339851256996_1388879142917227035_nให้เธอเกิดความรู้สึกว่า เป็นวลีที่น่าตกใจที่แท้จริง กลับเป็น คำพูดสุดท้ายของฝ่ายตรงข้าม….

* บ่อยครั้ง..ที่คุณธรรม จริยธรรมสามารถชดเชยจุดบกพร่องของสติปัญญา อย่างไรก็ตาม สติปัญญากลับไม่สามารถเติมเต็มคุณธรรม จริยธรรมที่ว่างเปล่าได้ ตลอดกาล *

คุณธรรม จริยธรรมเป็นพื้นฐานคุณภาพของคนคนหนึ่ง ก็คือคุณค่าของคน คนที่โดดเด่นยอดเยี่ยมเพียงใด หากคุณค่าในความเป็นคนมีปัญหา ก็จะขาดความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้อื่น

ในสถานที่ทำงาน บุคคลที่สูญสิ้นคุณค่าความเป็นคน ยิ่งน่ากลัว เพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า แล้วกระทำซึ่งเสื่อมเสียถึงองค์กรส่วนรวม ต้องเป็นสุสานในอาชีพของบุคคลนั้นอย่างแน่นอน

* ในสถานที่ที่ทำงาน ต้องอาศัยความสามารถและความจริงใจ แพ้อะไรก็แพ้ได้ แต่อย่าแพ้คุณค่าในความเป็นคน *

CR : Niwat Rungvicha

0 1438

มีไก่ฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในป่าแห่งหนึ่ง ไก่หัวหน้าฝูงจะขันทุกเช้า และในไม่ช้าดวงอาทิตย์ก็จะโผล่ขึ้นเหนือขอบฟ้า เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ทุกๆ วัน จนมันสำคัญผิดว่า เพราะเสียงขันของมันจึงทำให้ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาจากขอบฟ้า มันบอกกับไก่ลูกฝูงของมันทุกๆ ตัวว่า ฉันมีความสำคัญมาก เพราะฉันขัน จึงทำให้ดวงอาทิตย์ขึ้นในทุกๆ เช้า นำความสว่างมาให้กับพวกเจ้า ถ้าขาดฉันไปแล้ว พวกเจ้าจะลำบากมาก เพราะไม่มีใครขันเรียกดวงอาทิตย์ขึ้นมา พวกเจ้าจะต้องอยู่ในความมืดตลอดไป 
            chickens-webวันเวลาผ่านไปได้ไม่นาน ไก่หัวหน้าฝูงมีอาการป่วยหนักจนเสียงแหบแห้ง แย่แล้วมันบอกกับลูกชายคนโต ทำไมละพ่อ ลูกชายคนโตถาม ข้าป่วยจนเสียงแหบแห้งขันไม่ได้ ถ้าข้าไม่ขันดวงอาทิตย์ก็จะไม่ขึ้น พวกเราจะอยู่ในความมืด และลำบากกันมาก ไก่หัวหน้าฝูงตอบ ให้ลูกขันแทนพ่อได้ไหม ลูกชายเสนอตัว ไม่ได้หรอก มีข้าคนเดียวเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้ ไก่หัวหน้าฝูงตอบ มันพยายามปีนขึ้นไปบนต้นไม้ และโก่งคอขัน นอกจากจะไม่มีเสียงแล้ว มันยังพลัดตกลงมาจากต้นไม้คอหักตาย 

ไก่ลูกฝูงรู้สึกเสียใจมาก และฝังศพของมันอย่างสมเกียรติ ไก่ทุกตัวเฝ้ารอรุ่งเช้าด้วยความหวาดหวั่นว่ามันจะอยู่ในความbabychicksมืดตลอดกาล แต่มันก็หวาดหวั่นอยู่ได้ไม่นาน เพราะสักพักหนึ่งดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นทางทิศตะวันออก ส่งแสงเงินแสงทองอันงดงามลงมายังผืนดิน เดี๋ยวนี้ไก่ทุกตัวเข้าใจแล้วว่า แท้ที่จริงแล้วการที่ดวงอาทิตย์ขึ้นนั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติ และไม่เกี่ยวกับการขันของไก่เลยแม้แต่น้อย

ข้อคิด

โลกนี้ขาดเราได้ แต่เราขาดพระเจ้าไม่ได้

0 4880

ศิษย์รักคนหนึ่งของขงจื้อชื่อเอี๋ยนหุย เขาเป็นบัณฑิตใฝ่ศึกษาและมีคุณธรรม วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้าจึงเข้าไป สอบถามดู จึงรู้ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า ลูกค้าคนนั้นตะโกนเสียงดังโหวกเหวกว่า

“3x8ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย 24 เหรียญล่ะ!”

เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน หลังจากทำความเคารพแล้ว ก็กล่าวว่า “พี่ชาย 3×8 ได้ 24 จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันหรอก”

คนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า  “ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง! เจ้าอายุเท่าไหร่กัน! จะตัดสินก็มีเพียงท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน ”

เอี่ยนหุยกล่าวว่า “ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร?”

คนซื้อผ้ากล่าวว่า “หากท่านขงจื้อวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า! แล้วหากเจ้าผิดล่ะ?”

เอี๋ยนหุยกล่าวว่า “หากท่านขงจื้อวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก (ตำแหน่ง)”

 

ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า

“3x8 ได้ 23 ถูกต้องแล้ว เอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้ว ถอดหมวกของเธอให้พี่ชายท่านนี้เสีย”

เอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์ จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น

ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป

120781307แม้ต่อหน้าขงจื้อ เอี๋ยนหุยจะไม่โต้แย้ง และดูเหมือนว่าจะยอมรับคำวินิจฉัยของขงจื้อด้วยความเคารพ แต่ในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เอี๋ยนหุยคิดว่าท่านอาจารย์ชรามากแล้ว ความคิดคงเลอะเลือน จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้ออีกต่อไป

พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ ขงจื้อรู้ว่าเอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่ ก็ไม่ได้สอบถามมากความ อนุญาตให้เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้ ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ ขงจื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้กำชับว่า “อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”

เอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์จะจำใส่ใจ”

แล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง เกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบแปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่ จึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับของท่านอาจารย์ที่ว่า

“อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”

เราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ลองเชื่ออาจารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก บัดดล สายฟ้าก็ผ่าต้นไม้ใหญ่นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา เอี๋ยนหุยตะลึงพรึงเพริด คำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ? เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทางกลับ กว่าจะ7ถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน เลยใช้ดาบที่นำติดตัวมาค่อยๆเดาะดาลประตูห้องของภรรยา เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอน ก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอนอยู่บนเตียงสองคน! เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงหยิบดาบขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียง เสียงกำชับของอาจารย์ก็ดังขึ้นมา

“อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง” เมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่า คนหนึ่งคือภรรยา อีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเขาเอง พอฟ้าส่าง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบคุกเข่ากราบอาจารย์และกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ ภรรยาและน้องสาวไว้ ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง?” ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า

“เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่ จึงเตือนเธอว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ และเมื่อวาน เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย อาจารย์จึ้งเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”

1339304255เอี๋ยนหุยโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใสท่านเหลือเกิน”

ขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่า “อาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหก ที่จริงแล้วเธอคิดว่าอาจารย์แก่แล้ว ความคิดเลอะเลือน ไม่อยากศึกษากับอาจารย์อีกแล้ว เธอลองคิดดูสิ อาจารย์บอกว่า 3×8 ได้ 23 เธอแพ้ ก็เพียงแค่ถอดหมวก หากอาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 24 เขาแพ้ นั่นหมายถึงชีวิตของคนๆ หนึ่ง เธอคิดว่าหมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ? ”

เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูกผิดเล็กๆน้อยๆ ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์เสียใจเป็นที่สุด”

จากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบลใด เอี๋ยนหุยติดตามไม่เคยห่างกาย

 ข้อคิด

*** เรื่องราวต่างๆ แบ่งเป็นหนัก เบา รีบ ช้า อย่าเป็นเพราะต้องการเอาชนะให้ได้ แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต

เรื่องราวมากมายที่ไม่ควรทะเลาะกัน

ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก)

ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก)

ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน)

ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เคลียร์ไม่ได้ คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย)

green-tea-in-a-cup*** ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้ ก็เพราะโดนน้ำร้อนลวก

ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะเผชิญกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า

จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้ได้เล่าขาน น่าตามติด

ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอ จึงเป็นผู้มีวาสนามากที่สุด

cr : pornphanh from www.prachatalk.com/board/webboard

0 1163

นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง  พระราชาองค์นี้มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุกๆ ที่ แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกสุนัขตัวหนึ่งกัดนิ้ว จนเป็นแผลฉกรรจ์มาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า ‘ ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก ‘

และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้วและพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นรางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า
คนสนิทกลับตอบว่า ‘ ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก ‘

วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่า ลึกเข้าไปเรื่อยๆ เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น
คนป่าพวกนั้น ต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ แต่พวกเขาก็พบว่า พระราชานิ้วขาดจึงรีบปลดปล่อยพระราชา
เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ

พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า
‘ ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก ‘ เพราะถ้าพระองค์มีนิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้นอย่างแน่นอน

พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้ามเขากลับบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ
เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้ ข้าก็จะต้องตามท่านไปในป่าและในเมื่อท่านไม่เหมาะจะถูกบูชายัญ
ข้าคงจะถูกนำไปบูชายัญแทนเป็นแน่ อีกครั้งกับคำที่ว่า ดี หรือไม่ดี ยากที่จะบอก

เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ 
ไม่สามารถการสรุปได้อย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ว่า ดี หรือไม่ดี

บางครั้งสิ่งที่ดี อาจจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในขณะที่สิ่งที่เลวร้ายอาจกลายเป็นดีได้  ถ้าในชีวิตของเรา มีสิ่งดีๆเกิดขึ้น จงขอบคุณพระเจ้า จงชื่นชมยินดี จงมีความสุขและสนุกสนานกับมัน  แต่อย่าไปยึดติด จงพร้อมที่จะปล่อยวางและมีความสุขอย่างมีสติ

ถ้าบางครั้งในชีวิต มีสิ่งๆ ที่เลวร้ายเกิดขึ้น จงอย่าทุกข์โศกจนสูญเสียความหวัง เพราะมันอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้

ในอดีต มีบางครั้งที่เราทุกข์โศกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อมองย้อนกลับมา เราพบว่ามันมีสิ่งดีที่ซ่อนอยู่ จงชื่นชมยินดีกับวันนี้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเสมอ

0 2561

เมื่อชัยอายุ 6 ขวบ ขณะที่นั่งรถไปกับพ่อ ถูกตำรวจจับเพราะขับรถเร็วเกินกำหนด พ่อแอบยื่นเงิน 500 บาทให้ตำรวจ และได้รับอนุญาตปล่อยตัวไป พ่อหันมาพูดกับชัยว่า

  ไม่เป็นไรลูก… เงินแค่นี้ซื้อเวลา ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 8 ขวบ ป้าพาไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเป็นเงิน 75 บาท เมื่อป้าไปชำระเงิน ยื่นธนบัตรร้อยบาทให้พนักงาน ได้รับเงินทอน 55 บาท เพราะลูกค้ามากและเข้าใจว่าธนบัตร 50 บาท คือ 20 บาท ป้ารับเงินทอนและใส่กระเป๋าทันที แทนที่จะบอกพนักงานว่าทอนเงินผิด เมื่อออกจากร้านป้าก็พูดกับชัยว่า

ไม่เป็นไรหลาน…ความผิดของเขาเอง ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 9 ขวบ ครูให้การบ้านปลูกต้นหอมแดงในกระบะ 2 สัปดาห์ แล้วนำไปส่งที่โรงเรียน แม่ลืมซื้อหัวหอมแดงมาให้ชัย เมื่อครบกำหนดวันส่ง แม่ให้พ่อไปซื้อต้นหอมแดงที่ตลาด และฝังลงในกระบะให้ชัยนำไปส่งครู แล้วพูดว่า

 ไม่เป็นไรลูก…ครูไม่รู้หรอก มีส่งก็ดีแล้ว ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 12 ขวบ ชัยทำแว่นตาใหม่ราคาแพงของลุงแตก  ลุงจึงนำใบเสร็จไปอ้างกับบริษัทเครดิตที่ลุงใช้บริการอยู่ว่าแว่นตาถูกขโมย ได้รับเงินชดใช้มา 15,000 บาท เต็มราคาที่ซื้อมา ลุงพูดกับชัยอย่างภาคภูมิใจว่า

ไม่เป็นไรหรอกหลาน…สิทธ์ของเรา ใครใครเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 15 ปี ได้เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน ครูฝึกได้สอนวิธีกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามให้บาดเจ็บโดยไม่ผิดถือว่าอยู่ในเกม  ครูฝึกบอกว่า

 ไม่เป็นไรหรอก…ได้เปรียบไว้ก่อนเป็นดี ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 16 ปี ได้ไปทำงานระหว่างปิดเทอมที่แผนกซูปเปอร์มาร์เก็ต ของห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อแห่งหนึ่ง หัวหน้าแผนกให้ชัยจัดกระเช้าผลไม้ โดยแนะนำให้จัดวางผลไม่สวยจวนจะเน่าอยู่ก้นตะกร้า คัดผลสวย ใบโตสีสด จัดวางอยู่ส่วนบน หัวหน้าแผนกสอนว่า

 ไม่เป็นไรหรอก…ผู้ซื้อไม่ได้ใช้เองแต่นำไปฝากคนอื่น ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 18 ปี ได้สมัครสอบเพื่อเข้าขอรับทุนของมหาวิทยาลัย ปรากฏผลทราบเป็นการภายในว่ามาเป็นอันดับ 2 เมื่อพ่อรู้เข้าจึงไปพูดกับกรรมการซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ในที่สุดชัยก็ได้รับทุน พ่อพูดกับชัยว่า

 ไม่เป็นไรลูก…เป็นโอกาสของเรา ใครใครถ้ามีโอกาส เขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 19 ปี เพื่อนเอาข้อสอบปลายปีที่ขโมยมาขายกับชัยเป็นเงิน 1,500 บาท ชัยลังเลใจและตัดสินใจซื้อในที่สุด เพราะเพื่อนพูดว่า
   ไม่เป็นไรหรอกชัย…เกรดมีผลกับอนาคตนะ ใครใครเขาทำกันทั้งนั้นแหละ?

เมื่อชัยอายุ 24 ปี ชัยถูกจับข้อหายักยอกเงินบริษัท 700,000 บาท และต้องติดคุก พ่อกับแม่ไปเยี่ยมและตัดพ้อต่อว่า

 ทำไมลูกทำอย่างนี้กับพ่อแม่ ที่บ้านเราไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนขี้โกงเลยนะ?

แต่แท้ที่จริงแล้ว พ่อแม่และบรรดาคนรอบข้างชัยไม่เคยรู้เลยว่า เขานั่นแหละที่สอนให้ชัยเป็นคนโกงโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะพ่อแม่ที่กลายเป็น “พ่อแม่รังแกฉัน” เสียเอง

พ่อแม่ที่ตามใจลูกจนเกินไป เป็นการปลูกฝังในสิ่งที่พ่อแม่ทำให้แบบเกินพอดี ทำให้ลูกติดนิสัยเอาแต่ใจ ไม่มีความอดทน พ่อแม่รังแกฉัน เป็นประโยคเปรียบเทียบ พ่อแม่ที่ดีต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้เห็น ตัวอย่างที่ดีในที่นี้ไม่ใช่สิ่งดีๆอย่างเดียวต้องรวมเรื่องที่ไม่ดีด้วย และอธิบายให้เขาได้รู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีๆเพราะอะไร

0 1313

ครูคนหนึ่งที่นิวยอร์คตกลงใจจะแสดงความชื่นชมนักเรียนไฮสคูลชั้นปีสุดท้ายที่เธอสอนด้วยการบอกเขาเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าพิเศษต่างจากคนอื่นอย่างไรบ้าง

เธอเรียกนักเรียนทุกคนไปหน้าชั้นทีละคน แรกสุดเธอบอกแต่ละคนว่าพวกเขามีคุณค่าเพียงใดทั้งต่อตัวครูและต่อเพื่อนร่วมห้อง

จากนั้นเธอก็มอบริบบิ้นสีฟ้าพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีทองเป็นของขวัญให้ ข้อความบนริบบิ้นมีว่า ‘ฉันเป็นคนมีคุณค่า′

จากนั้นครูให้นักเรียนทำงานกลุ่มของชั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูว่าการแสดงความชื่นชมยกย่องผู้อื่นส่งผลอย่างไรต่อคนในชุมชน

เธอมอบริบบิ้นแก่นักเรียนคนละสามเส้นให้นักเรียนเผยแพร่การรับรู้และชื่นชมคุณค่าผู้อื่นในวงกว้างออกไป จากนั้นนักเรียนจะต้องติดตามผลและดูว่าใครยกย่องใครบ้าง แล้วนำกลับมารายงานในห้องภายในหนึ่งสัปดาห์

นักเรียนชายคนหนึ่งเข้าพบผู้บริหารระดับรองที่ทำงานในบริษัทใกล้ๆ เพื่อยกย่องที่ชายผู้นี้เคยช่วยเขาวางแผนอาชีพในอนาคต แล้วมอบริบบิ้นติดให้บนเสื้อเชิ้ต จากนั้นก็มอบริบบิ้นอีกสองเส้นที่เหลือพร้อมกับกล่าวว่า…

‘เรากำลังทำงานกลุ่มของชั้นเรียนเกี่ยวกับเรื่องการแสดงความยกย่องชื่นชมผู้อื่นครับ ผมอยากขอให้คุณช่วยหาใครสักคนที่คุณต้องการยกย่อง’แล้วให้ริบบ ิ้นเขา ส่วนอีกเส้นก็ให้เขาไว้สำหรับมอบให้คนต่อไปเพื่อเผยแพร่การยกย่องชื่นชมนี้ให้กระจายต่อไป
แล้วช่วยกลับมาบอกผมด้วยครับว่าผลเป็นยังไงบ้าง’

ต่อมาในวันเดียวกันผู้บริหารท่านนี้เข้าพบเจ้านายเขาซึ่งเป็นคนที่ใครๆรู้กันดีว่าเกรี้ยวกราดอารมณ์ร้าย

เขานั่งลงคุยกับเจ้านาย บอกเจ้านายว่าลึกๆ เขายกย่องชื่นชมเจ้านายว่าเป็นผู้มีหัวคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ ดูเหมือนเจ้านายเขาจะประหลาดใจอย่างยิ่ง เขาถามเจ้านายว่าจะยินดีรับริบบิ้นสีฟ้าเป็นของขวัญแสดงความชื่นชม และอนุญาตให้เขาติดริบบิ้นให้ได้หรือไม่ เจ้านายผู้ประหลาดใจตอบว่าได้ เขาจึงติดริบบิ้นสีฟ้าเส้นนั้นบนปกเสื้อนอกบริเวณเหนือหัวใจ

เมื่อเขามอบริบบิ้นเส้นสุดท้ายแก่เจ้านาย เขาบอกเจ้านายว่า ช่วยอะไรผมสักอย่างได้ไหมครับผมอยากให้เจ้านายช่วยส่งต่อริบบิ้นเส้นสุดท้ายนี่ด้วยการยกย่องชื่นชมใครสักคนพ่อหนุ่มที่ให้ริบบิ้นผมมาเป็นคนแรกกำลังทำงานกลุ่มของชั้นอยู่เขาอยากให้ช่วยกระจายการยกย่องชื่นชมนี้ให้เผยแพร่ในวงกว้างออกไป แล้วดูว่าการทำแบบนี้ส่งผลต่อใครๆยังไงบ้าง

ค่ำวันนั้นชายผู้เป็นเจ้านายกลับบ้านไปหาลูกชายวัยรุ่นอายุสิบสี่ เขาเรียกลูกชายให้นั่งลงแล้วกล่าวว่าวันนี้เกิดเรื่องเหลือเชื่อที่สุดกับพ่อ ตอนอยู่ห้องทำงาน ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาบอกว่าเขาชื่นชมพ่อแล้วให้ริบบิ้นเส้นหนึ่งเป็นการยกย่องว่าพ่อเป็นอัจริยะเรื่องความมีหัวคิดสร้างสรรค์ลองนึกดูเขาคิดว่าพ่อมีหัวคิดสร้างสรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะเชียวนะ แล้วเขาก็เอาริบบิ้นเส้นนี้ที่เขียนว่าฉันเป็นคนมีคุณค่าติดให้บนปกเสื้อนอกตรงหัวใจนี่แล้วยังให้ริบบิ้นพ่อมาอีกเส้นให้พ่อมองหาใครสักคนที่จะยกย่องชื่นชมต่อ

ระหว่างที่พ่อขับรถกลับบ้านก็คิดว่าริบบิ้นเส้นนี้จะให้ใครดีแล้วพ่อก็นึกถึงแกพ่ออยากชื่นชมแกนะวันๆ พ่อทำงานยุ่งเหยิงมากพอกลับมาบ้านก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจแกสักเท่าไร บางทียังอาละวาดอีกเรื่องแกเรียนได้เกรดไม่ดี เรื่องทำห้องนอนรก แต่ยังไงไม่รู้สิ
วันนี้พ่อกลับอยากนั่งลงตรงนี้กับแกอยากบอกว่าแกมีค่ากับพ่อมากแค่ไหน

นอกจากแม่แกแล้วก็มีแกนี่แหละที่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตพ่อ แกเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมเลยแหละแล้วพ่อก็รักแกนะ…

เด็กหนุ่มผู้ตื่นตะลึงเริ่มสะอื้น แล้วก็สะอื้นเขาไม่อาจหยุดร้องไห้ ร่างสั่นเทาไปทั้งตัวเขาเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวทั้งน้ำตา

‘พ่อครับเมื่อตอนเย็นผมอยู่บนห้อง นั่งเขียนจดหมายถึงพ่อกับแม่เพื่ออธิบายว่าทำไมผมถึงฆ่าตัวตาย แล้วก็ขอให้พ่อยกโทษให้ผม ผมตั้งใจจะฆ่าตัวตายคืนนี้ตอนพ่อหลับ ผมคิดว่าพ่อไม่เคยแคร์ผมเลย จดหมายอยู่บนห้องครับแต่ผมคิดว่าผมคงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ’

พ่อของเด็กหนุ่มเดินขึ้นไปบนห้องพบจดหมายข้อความสะเทือนใจบรรยายถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจดหมายฉบับนั้นจ่าหน้าถึงพ่อกับแม่

ชายผู้เป็นเจ้านายกลับไปที่ทำงานอย่างเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาเลิกเป็นคนขี้โมโหแต่จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พนักงานใต้บังคับบัญชารู้ว่าพวกเขามีค่าอย่างไรบ้าง

ส่วนชายผู้เป็นนักบริหารระดับรองก็ช่วยให้คำแนะนำเด็กหนุ่มอื่นๆต่อมาอีกหลายคนเรื่องการวางแผนอาชีพในอนาคตแล้วก็ไม่เคยลืมบอกเด็กเหล่านั้นว่าแต่ละคนมีคุณค่าต่อชีวิตเขาอย่างไรบ้างหนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มลูกชาย เจ้านายเขา

ส่วนเด็กหนุ่มกับเพื่อนร่วมชั้นก็ได้เรียนรู้บทเรียนที่มีค่าเรื่องหนึ่งนั่นคือเราต่างเป็นคนที่มีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้น

คุณไม่จำเป็นต้องส่งเมล์ฉบับนี้ต่อให้ใครแม้แต่คนเดียว..อย่าว่าแต่สองคนหรือสองร้อยคนเลยสำหรับฉัน(ผู้เขียนเรื่องนี้)คุณอาจจะลบเมล์ฉบับนี้ทิ้งแล้วไปเปิดดูเมล์ฉบับต่อไป แต่ถ้าคุณมีใครสักคนที่มีความหมายกับคุณมากฉันขอสนับสนุนให้คุณส่งข้อความนี้ไปให้เขาหรือเธอผู้นั้นเพื่อให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของคุณ คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าการให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆ

มีคุณค่าแค่ไหนกับคนสักคนส่งเรื่องนี้ไปยังคนทุกคนที่คุณเห็นว่ามีความหมายต่อคุณ มีความสำคัญต่อคุณหรืออาจส่งไปให้คนหนึ่ง..สอง..หรือ สามคนที่มีความหมายต่อคุณมากที่สุดหรือคุณอาจจะแค่ยิ้มที่ได้รู้ว่ามีใครบางคนคิดว่าคุณเป็นคนสำคัญไม่งั้น

คุณก็คงไม่ได้รับเมล์ฉบับนี้แต่แรก………จำไว้นะ

ฉันให้ริบบิ้นสีฟ้าแก่คุณแล้ว   ^@^

0 2289

ชาวนาคนหนึ่ง หลังจากไปทำความสะอาดคอกม้า ออกมาก็พบว่านาฬิกาพกของ

ตนได้หล่นหายไปเสียแล้ว นาฬิกาพกเรือนนี้มีความหมายต่อเขามาก ด้วยเป็นของ

ขวัญที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ เขารีบวิ่งไปที่คอกม้ารื้อหาจนทั่วบริเวณแทบพลิกแผ่นดิน

แต่ก็หาไม่พบเขาเดินออกมาจากคอกม้าด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว มองไปเห็นมีเด็กกลุ่ม

หนึ่งกำลังเล่นกันอยู่แถวนั้น เขาจึงได้คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองแก่แล้ว หูตาฝ้าฟาง

ทำให้หาไม่เจอ แต่เด็กๆหูตายังแหลมคม น่าจะหาเจอก็เป็นได้ เขาจึงเรียกเด็กๆมา

แล้วบอกว่า

” เด็กๆ ถ้าใครหานาฬิกาพกของลุงเจอ ลุงจะให้เงินคนนั้นหนึ่งเหรียญ ”

เด็กๆ พากันวิ่งกรูเข้าไปในคอกม้า จนเวลาผ่านไปนานโข ตอนที่เด็กๆ เดินกลับ

ออกมาจากคอกม้าทีละคนต่างก็มีสีหน้าผิดหวัง ที่หานาฬิกาพกไม่เจอ ขณะที่ชาว

นากำลังถอดใจคิดจะเลิกหานั่นเอง ก็มีเด็กคนหนึ่งมากระซิบกระซาบบอกกับเขาว่า

“ผมจะลองเข้าไปหาดูอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ขอให้ผมเข้าไปคนเดียวเท่านั้น”

 

ชาวนามองตามหลังเด็กชายไปอย่างไม่มั่นใจ คิดในใจว่า…พวกเราแทบ

จะพลิกคอกม้าหายังไม่เจอ…แล้วลำพังเด็กคนเดียว จะหาเจอได้อย่างไร…

 

เด็กคนนั้นเข้าไปตั้งนานก็ยังไม่กลับออกมา ชาวนาเริ่มสิ้นหวังในขณะที่ชาวนา

คิดจะเลิกรอ และจากไป นั่นเอง เด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาจากคอกม้า ในมือ

ของเขาถือนาฬิกาพกเรือนหนึ่ง ชาวนาถามด้วยความแปลกใจว่า

“เจ้าหาเจอได้อย่างไร” เด็กชายบอกว่า “พอเข้าไปข้างใน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

เพียงแต่นั่งเงียบๆ อยู่ที่พื้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียง ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก จากนั้นผมก็

เดินตามเสียงไปแล้วผมก็เจอนาฬิกาเรือนนี้ ”

 

ขณะที่เรากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับชีวิตหรือหน้าที่การงานบางครั้ง ก็จำเป็นอย่างมาก

ที่จะต้องทำใจให้สงบ เพื่อมาคิดตรึกตรองดูว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นถูกต้องและ

เหมาะสมดีแล้วหรือเปล่าและ นี่ก็อาจเป็นความหมายที่แท้จริงของคำโบราณที่ว่า

“บนเส้นทางของชีวิต บางครั้งก็ควรจริงจัง บางครั้งก็ควรผ่อนคลาย ความสงบ

สยบความเคลื่อนไหว ยุ่งเหยิงทั้งปวงได้เด็ดขาด “

0 1322

พ่อมอบของขวัญลูก 2 ขวบที่ดีที่สุดในชีวิต 

เด็กชายชาวสิงคโปร์วัย 2 ขวบได้รับของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตจากพ่อ นั่นคือโอกาสในการมีชีวิตที่ปกติ

Jeremy Guo เกิดมาพร้อมกับทางเดินน้ำดีตีบตันตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งเป็นความผิดปกติแต่กำเนิด เมื่อท่อน้ำดีตีบตัน ทำให้น้ำดีไม่ได้ถูกส่งต่อจากตับไปที่ถุงน้ำดี ส่งผลให้มีอาการคั่งของน้ำดีทำให้น้ำดีถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดมากขึ้น ทำให้เด็กตัวเหลือง การรักษาที่ได้ผลคือการผ่าตัดเชื่อมต่อทางเดินน้ำดี หรือการผ่าตัดเปลี่ยนตับ

Jeremy ได้รับการผ่าตัดตอนอายุ 2 เดือน แต่ไม่ได้ผล แพทย์ให้รอการผ่าตัดอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เด็กน้อยตัวโตขึ้นและแข็งแรงพอสำหรับการผ่าตัด เด็กน้อยต้องมีชีวิตแบบท้องป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีอาการคั่งของน้ำดี

คุณพ่อ Guo Yang ให้ของขวัญวันเกิด 2 ขวบกับลูกชายเป็นตับของตัวเอง เพื่อให้ลูกได้มีชีวิตเหมือนคนปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนตับ ที่ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ถึง 50 คน ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพียงไม่กี่วันหลังจากการผ่าตัด Jeremy ก็สามารถนอนกลิ้งบนเตียงได้แล้ว และเล่นได้เหมือนเด็กปกติ

ของขวัญวันเกิดชิ้นนี้ของคุณพ่อจะอยู่ในร่างของลูกรักตลอดไป

ที่มา: The Straits Times

0 6082

f322fb3253711169f51747ae20f78208ประโยชน์ มี ๒ อย่าง คือ ประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ถ้าแต่ละคนคิดถึงเฉพาะประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ย่อมเป็นการคิดที่เห็นแก่ตน ผลประโยชน์แท้จริงผลประโยชน์ส่วนรวมที่แต่ละตนได้ประโยชน์ด้วย สังคมปัจจุบันมีความขัดแย้งเพราะผู้คนมักจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาน้ำเน่าเสีย ปัญหาการจราจรติดขัด รวมถึงปัญหาหลายๆ ครั้งมาจากผู้ที่คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงคนอื่น

นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว ปัญหาการคอรัปชั่น (Corruption) ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ก็มาจากการคิดถึงผลประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง  ปัญหาคอรัปชั่นเป็นเรื่องใกล้ตัวและหลายคนคิดว่าไม่เป็นไร ใครๆ ก็ทำกัน จนเกิดทัศนคติที่ยอมรับส่งผลให้เกิดพฤติกรรมสนับสนุนคอรัปชั่น เช่น เลือกที่จะจ่ายสินบนแทนรับใบสั่ง เมื่อขับรถผิดกฎจราจร  ติดสินบนผู้มีอำนาจ เพื่อได้ตำแหน่งดีๆ  โกงค่าโดยสาร และอื่นๆ

  • ศาสนาต่างๆ สอนคนให้เป็นคนดี ทำดี ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ลด ละ เลิก สิ่งที่เป็นกิเลส ในคริสต์ศาสนาสอนว่า “การให้บันดาลความสุขมากกว่าการรับ” และแบบฉบับของพระเยซูเจ้าที่ยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อให้มนุษย์ได้รับการไถ่ให้รอดbill-gates-foundation-620x284
  • มีมูลนิธิและองค์กรต่างๆ ที่จัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เพื่อช่วยเหลือคนยากจน เด็กด้อยโอกาส เช่นมูลนิธิ Bill & Melinda Gates ซึ่งได้บริจาคเงินรวมไปแล้วทั้งสิ้น 31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 1 ล้านล้านบาท) เพื่อลงทุนหาวิธีแก้ปัญหาที่ชาวโลกยังไม่สามารถแก้ได้ เช่น โรคภัยไข้เจ็บ คุณภาพชีวิต ความยากจน เป็นต้น
    wcgnjckjecsqleyvnhjy
  • มีคนดีมากมายในสังคมที่คิดถึงผู้อื่น เช่น นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กและภรรยาของเขา พริสซิลลา ชาน ประกาศว่าจะบริจาคหุ้นของ Facebook จำนวน 99% คิดเป็นเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท ให้กับองค์กรการกุศลเพื่อรับขวัญลูกสาวของเขา ชื่อว่า แม็กซ์ และเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของมนุษย์ และส่งเสริมความเท่าเทียมกันของมนุษย์ให้ดีขึ้น

aaaคนไทยได้ชื่อว่าเป็นคนมีน้ำใจ มีความรัก เมตตา ต่อคนอื่นๆ ให้เราร่วมกันสรรสร้างสิ่งที่ดีงามให้สังคม สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน นำหลักธรรมของศาสนาไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเจริญอย่างยั่งยืนสืบไป

0 11352

1417528315ผู้คนในสังคมปัจจุบัน พบการยั่วยุมากมาย อาจจะเป็นชื่อเสียง เกียรติยศ เงิน อำนาจ หรือผู้หญิง และหลายๆ คนตกอยู่ในการยั่วยุดังกล่าว จนเสียอนาคตหรือบุคคลที่ตนรัก อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของจิตใจ เราจึงต้องฝึกจิตให้มีความเข้มแข็งอยู่เสมอ ขงจื้อพูดไว้อย่างน่าฟังว่า “ยามพบคนดี จงพยายามเอาเป็นตัวอย่าง ยามพบคนชั่ว จงวิจัยความผิดพลาดของเขา″ นั่นหมายถึงยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม

CHwCWaRUsAAHccPการเป็นผู้ที่มีความเข้มแข็ง หมายถึงการยืนหยันในความถูกต้องดีงาม ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำหรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา ในสังคมปัจจุบันเราถูกท้าทายให้เลือกระหว่างความดีและความชั่ว เลือกที่จะยืนหยัดในสิ่งถูกต้องหรือคล้อยตามกระแสสังคมที่ไม่ดี เราจึงต้องพัฒนาตนเองให้มีความเข้มแข็งทางใจ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

1. สร้างและรักษาสัมพันธภาพที่ดี
ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก เป็นหัวใจสำคัญของการมีชีวิตที่เป็นสุข และในยามที่มีวิกฤติเกิดขึ้นในชีวิต ความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้เราฝ่าฟันปัญหาไปได้ด้วยกำลังใจจากคนรอบข้าง ช่วยเติมความเข้มแข็งทางใจให้กับเรา ช่วยให้เราเกิดความรู้สึกที่ดี มีความภูมิใจ และมีความเข้าใจในชีวิตมากขึ้น

hd-3d-love-rose-wallpaper2. อย่ามองวิกฤติที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ 
เราอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดวิกฤติในชีวิตของเราได้ แต่เราเลือกมุมมองและวิธีคิดของเราได้เสมอ เราเลือกได้ว่าเราจะคิดอย่างไร และจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร การฝึกมองภาพที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว โดยไม่ติดอยู่แต่กับภาพของปัญหาในระยะสั้น จะช่วยให้เรามองเห็นอะไรได้ดีขึ้น ตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น

3. ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
บางครั้ง เป้าหมายบางอย่างที่เราเคยตั้งความหวังไว้ เราอาจไปไม่ถึง เพราะสถานการณ์ในชีวิตเปลี่ยนแปลงไป การยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และยอมรับสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะช่วยให้เราโฟกัสพลังงานที่มีอยู่ไปกับสิ่งที่เราจะลงมือทำเพื่อสร้างเปลี่ยนแปลงที่ต้องการได้

4. เดินหน้าสู่เป้าหมาย 
ฝึกตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้  ทำสิ่งดี ๆ อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าสิ่งนั้นอาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อสะสมรวมกันเข้าทีละเล็กทีละน้อย ก็จะช่วยพาเราไปถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ หมั่นถามตัวเองบ่อย ๆ ว่า มีอะไรที่ช่วยพาเราไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ที่เราสามารถทำให้ประสบผลได้ในวันนี้ และทำเช่นนี้ทุก ๆ วัน

5. กล้าตัดสินใจ 
ลงมือทำทุกอย่างที่ทำได้ กล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ อย่าหนีปัญหาและความเครียด

6. แปลงปัญหาชีวิตให้เป็นโอกาสในการเรียนรู้E11320722-38

คนส่วนใหญ่ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญและเติบโตขึ้น จากวิกฤติที่เข้ามากระทบชีวิต เราควรหมั่นทบทวนดูว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เราประสบอยู่นั้น เราได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองบ้าง  บางครั้ง เมื่อคนเราต้องพบกับเหตุการณ์สูญเสียที่รุนแรง หรือพบความยากลำบาก แต่เขาก็พบว่าความสัมพันธ์กับคนรักดีขึ้น มีความเข้มแข็งมากขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น บางคนอาจมีความเข้าใจที่ละเอียดอ่อนขึ้นกับชีวิต รู้สึกขอบคุณชีวิต เข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้น

7. สร้างความรู้สึกที่ดี มีความเชื่อมั่นต่อตัวเอง
ค้นหาความดี   ความเก่งหรือความสามารถของตนเอง   แล้วจงภาคภูมิใจกับตัวเองให้มากและหมั่นพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองเจริญก้าวหน้าต่อไป   ความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองจะช่วยให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง   เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง   ควบคู่กับการสำรวจข้อบกพร่องของตน เพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น

8. มองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองที่กว้างออกไป

อย่ามองแต่มุมของตัวเอง ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการขยายปัญหาที่ประสบอยู่ ให้ใหญ่โตเกินความเป็นจริงมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้กับชีวิต    ยอมรับความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา   ไม่ควรยึดติดกับสิ่งที่มีที่เป็น ทำให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่หลงไปกับลาภยศ  สรรเสริญ  ไม่ดีใจเกินไปกับสิ่งที่ได้มาและไม่เสียใจเกินไปเมื่อต้องสูญเสีย  ทำงานด้วยใจรักอย่างแท้จริง ไม่ทำเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตนมากจนไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและผู้อื่น

f9dd4b2d1418a09fa213220886f5964c9. มีความหวังอยู่เสมอ
การมองโลกในแง่ดี ช่วยเราคาดหวังว่าสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้นได้ ฝึกมองให้เห็นภาพในอนาคตที่ต้องการให้ชัดเจน แทนที่จะมัวคิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เรากังวลใจหมั่นให้กำลังใจตัวเอง ปลุกปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า  ”จะต้องสู้ให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเป็นอันขาด”   “ในเมื่อคนอื่นยังทำได้หรือยังทนได้ เราก็ต้องทำได้หรือทนได้เช่นกัน”     “ถ้าไม่ลองทำดูจะรู้ได้อย่างไรว่าทำได้หรือทำไม่ได้”  ดังนั้นจึงต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ ทั้งนี้เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตนเอ

10. ดูแลตัวเองให้ดี
ใส่ใจในความรู้สึกและความต้องการของตนเอง ทำกิจกรรมที่ช่วยให้มีความสุขและผ่อนคลาย ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ การดูแลตนเองเป็นประจำช่วยให้ร่างกายและจิตใจของเรา พร้อมต่อการจัดการปัญหาที่จะผ่านเข้ามาได้ดีขึ้น
(http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=iamlady&month=03-2009&date=17&group=31&gblog=10 และ www.rta.mi.th/630a0u/file/relax.doc)