เกี่ยวกับแม่พระองค์อุปถัมภ์

mary

“แม่พระองค์อุปถัมภ์”      โดย.. คุณพ่อฟรังซิส ไก้ส์ ซดบ.

วันที่ 24 พฤษภาคมของทุกปี..เป็นวันสมโภชแม่พระองค์อุปถัมภ์ สมาชิกในครอบครัวซาเลเซียน พร้อมกับทุกคนที่รักพระมารดามารีย์..มีความยินดีร่วมฉลองในวันนี้ เพราะเป็นโอกาสดีที่จะรื้อฟื้นความไว้วางใจ และเปิดใจรับความรักจากพระมารดา

เป็นเวลาหลายศตวรรษที่คริสตชน ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ได้รับความรักและความช่วยเหลือจากพระนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาพิเศษ..ที่พระศาสนจักรประสบความยากลำบาก เพราะเหตุนี้ พระมารดาของพระเจ้าจึงได้รับสมญานามว่า “พระมารดามารีย์องค์อุปถัมภ์ของคริสตชน” พระศาสนจักรกำหนดฉลองพระนามนี้ในวันที่ 24 พฤษภาคม เพื่อระลึกถึงวันที่พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 7 เสด็จกลับกรุงโรมในปี ค.ศ.1814 เมื่อทรงได้รับการปลดปล่อยอย่างน่าอัศจรรย์จากการถูกจองจำ

คุณพ่อบอสโกเห็นว่า.. คำวอนขอความช่วยเหลือจากพระมารดา โดยใช้ด้วยสมญานามนี้..เป็นคำภาวนาที่ดีเลิศ เพราะสรุปธรรมล้ำลึกแผนการความรอดพ้น ที่กำลังดำเนินอยู่ในพระศาสนจักร ท่านจึงเขียนว่า“ประสบการณ์ของพระศาสนจักรตลอด 18 ศตวรรษแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า.. บนแผ่นดินนี้ พระนางมารีย์ทรงเริ่มปฏิบัติภารกิจพระมารดาของพระศาสนจักร และองค์อุปถัมภ์ของคริสตชนแล้ว และในสวรรค์ก็ทรงปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง..โดยมีประสิทธิภาพมากกว่า”

การประทับอยู่และความช่วยเหลือของพระมารดามารีย์..เป็นบ่อเกิดของพระพรมากมายสำหรับมนุษย์ สิ่งสำคัญคือ เราจงอย่าปิดตัวต่อความรักของพระเจ้า และต่อพระพรของพระองค์ เพื่อติดตามความคิดและแผนการของตน แต่โดยอาศัยพระนางมารีย์และพระฉบับของพระนาง เราจงรู้จักเปิดใจรับความรักจากพระเจ้า        ถ้าเราพิจารณาประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร..จะเห็นว่า.. หลายครั้งคริสตชนเย็นเฉย ไม่ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อรับศีลล้างบาป จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่บางประเทศ ซึ่งในอดีต..มีกระแสเรียกและผู้มีความเชื่อจำนวนมาก แต่เวลานี้..สูญเสียอัตลักษณ์ประเทศคริสตชน เพราะได้รับผลจากค่านิยมปัจจุบัน..ที่ทำลายค่านิยมของพระเจ้า สมัยนี้หลายคนคิดว่า.. พระเจ้าไม่ทรงมีบทบาทอีกต่อไปในชีวิตมนุษย์ เขาตั้งตนเป็นพระเจ้า โดยอ้างว่า..เขาผู้เดียวเป็นผู้สร้างอนาคตของตน โลกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา เขาไม่คิดถึงพระเจ้า และไม่รอคอยความรอดพ้นจากพระองค์ เขาจึงคิดว่า..จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เขาเป็นมาตรการชี้ว่า..ตนเป็นใคร และกำหนดการกระทำของตน เราน่าจะถามว่า.. ผู้ประพฤติเช่นนี้..เป็นคนอิสระและมีความสุขแท้จริงหรือไม่?

เมื่อมนุษย์อ้างว่า..ตนเป็นตัวของตนเอง เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจึงไม่สามารถสร้างสังคมที่มีอิสรภาพ ความยุติธรรมและสันติได้ ดังที่ทุกวัน..เราอ่านในหนังสือพิมพ์ มีเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนเป็นผู้ใช้อำนาจในทางผิด แสวงหาผลประโยชน์ของตน ฝ่าฝืนความยุติธรรม เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หรือใช้ความรุนแรง..กดขี่ผู้ด้อยโอกาส

ถ้าเรายอมเรียนรู้จากพระฉบับของพระนางมารีย์ เราจะเห็นว่า..ชีวิตของเรา..ล้วนได้รับพระพรจากพระเจ้า พระนางทรงช่วยเรา..ให้ดำเนินชีวิตคริสตชนอย่างดี ทรงวอนขอพระคุณต่างๆ ที่เราต้องการจากพระเจ้าแทนเรา ทั้งๆ ที่บางครั้งเราไม่สังเกตว่า..ได้รับพระพรเหล่านั้นจากพระเจ้า ยิ่งเราเปิดตน ยอมให้พระนางมารีย์ทรงมีบทบาทในชีวิตของเรา เพื่อจะเปิดตนรับความรักจากพระเจ้า เราก็จะรู้สึกความจำเป็น..ที่จะพัฒนาความรักนี้ในตัวเรา เพื่อจะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้ามากยิ่งขึ้น การประทับอยู่และความช่วยเหลือของพระนางมารีย์..ช่วยเราให้เป็นพยานถึงสันติภาพและความรัก

เราทุกคนมีทรัพย์สมบัติมากมาย เช่น เวลาว่าง ใจของเรา การยิ้ม การแนะนำ วัฒนธรรม สันติ คำพูด ฯลฯ ถ้าเราใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านี้เพื่อผู้อื่น เราก็จะมีความสุข เช่น ถ้าเรามองรอบตัว..จะเห็นผู้ป่วย ผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาล ผู้อยู่โดดเดี่ยว ผู้ตกงาน เยาวชนผู้ไม่มีใครช่วยเหลือเขา ผู้ตกอยู่ในความยากลำบาก.. เราจงปฏิบัติตามพระฉบับของพระมารดามารีย์คือ รู้จักห่วงใยผู้อื่น มอบความไว้วางใจของเรา..ในทรัพย์สมบัติสวรรค์ พักพิงในพระเจ้า เมื่อนั้น..เราจะเป็นพยานถึงความยินดี และสันติสำหรับบุคคลอื่นๆ

พระนางมารีย์ทรงได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตเรียบง่าย ให้มีความเมตตากรุณา และทรงนำเราไปสู่พระบุตร แม้หนทางไปสู่พระเยซูเจ้า..อาจจะยาก และเรียกร้องความเสียสละ แต่พระนางทรงเชิญชวนเรา..ให้กล้าหาญ ไม่ต้องกลัว เพราะพระนางสถิตกับเรา พระหัตถ์ของพระนางทรงค้ำจุนเราตั้งแต่เกิด..จนถึงชีวิตนิรันดร

สิ่งสำคัญคือ ให้เรามีความเชื่อ ความไว้ใจในพระมารดา เช่นเดียวกับคุณพ่อบอสโกและนักบุญมาเรีย โดเมนิกา มัสซาแรลโล พยายามดำเนินชีวิต โดยปฏิบัติคุณธรรม ความถ่อมตน ความซื่อสัตย์ ชีวิตการภาวนา โดยมีใจรักเด็กๆ ช่วยเยาวชนให้พบหนทางที่ถูกต้อง รู้จักอบรมเขาให้เป็นคริสตชนที่ดี ช่วยเขาให้เจริญเติบโตในความรัก และยอมเปิดตนแด่พระเจ้า..เหมือนดอกไม้ที่แย้มกลีบออกเพื่อรับแสงแดด

คุณพ่อบอสโกแสดงความศรัทธาต่อแม่พระองค์อุปถัมภ์เป็นพิเศษ..ตลอดสามปีในการสร้างวิหารแม่พระองค์อุปถัมภ์ ที่เมืองตุรินอย่างน่าอัศจรรย์ คุณพ่อทราบว่า..พระวิหารนี้จะไม่เป็นวัดประจำตำบลของสัตบุรุษ แต่จะเป็นศูนย์กลางของคารวกิจต่อพระมารดา ทั้งในระดับเมือง ประเทศ และระดับโลก เพื่อตอบสนองความต้องการฝ่ายจิต และงานประกาศข่าวดีของคนจำนวนมาก

คุณพ่อบอกนายช่างก่อสร้างว่า “พระมารดาจะทรงเอาพระทัยใส่ ดูแล จัดการเรื่องการเงินที่จำเป็น เพื่อสร้างพระวิหารนี้” คุณพ่อยังแสดงความเป็นกันเอง ด้วยความรักกับพระมารดา โดยปรบมือ ขอร้องแม่พระเป็นภาษาท้องถิ่นของตนว่า “แม่ที่รักเอ๋ย ลงมือให้ความช่วยเหลือได้แล้ว”

ในปี ค.ศ.1865 เมื่อพระวิหารสร้างเสร็จแล้ว คุณพ่อบอสโกได้ยืนยันว่า “อิฐแต่ละก้อนล้วนเป็นพระพรจากแม่พระ” ตั้งแต่เวลานั้น..จนถึงปีที่ท่านเสียชีวิต สัตบุรุษยกย่องท่านว่า..เป็น “นักบุญของแม่พระองค์อุปถัมภ์” และในทำนองเดียวกัน แม่พระองค์อุปถัมภ์ทรงได้รับสมญานามว่า “พระมารดาของคุณพ่อบอสโก”

ในปี ค.ศ.1883 เมื่อคุณพ่อบอสโกเดินทางไปกรุงปารีส เพื่อเรี่ยไรเงินสร้างพระวิหารพระฤทัยของพระเยซูเจ้า ที่กรุงโรม เมื่อบางคนขอให้คุณพ่อทำอัศจรรย์ รักษาผู้ป่วย ท่านตอบว่า “พ่อเป็นคนบาป โปรดภาวนาเพื่อพ่อด้วย แต่เราทั้งสองพร้อมกันจะอธิษฐานภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากแม่พระองค์อุปถัมภ์ พระนางจะทรงฟัง ทรงเข้าใจ ทรงสงสาร และจะทรงรักษาให้หาย พระนางจะประทานสิ่งที่เราต้องการจากสวรรค์อยู่เสมอ พ่อเป็นเพียงผู้วอนขอจากพระนางเท่านั้น” โดยแท้จริงแล้ว พระมารดาองค์อุปถัมภ์ทรงตอบสนองคำวอนขอของคุณพ่อบอสโกเสมอ ดูเหมือนว่า..พระนางทรงอยู่เคียงข้างท่าน พร้อมเสมอที่ให้ความช่วยเหลือ…

(http://oknation.nationtv.tv/blog/thaidbmag/2012/03/26/entry-3)